กลุ่มบริษัท อีซูซุ อึ้งง่วนไต๋
นายเมี่ยงเกีย แซ่อึ้ง (บิดาของนายเมธี พิทักษ์สิทธิ์)ได้มาอยู่เมืองไทยกับบิดาที่อพยพ มาจากประเทศจีนตั้งแต่เด็กๆซึ่งขณะนั้นบิดานายเมี่ยงเกีย ได้ทำการค้าขายโดยเข้าหุ้น กับเพื่อนๆที่กรุงเทพฯ นครปฐม และจังหวัดเพชรบุรี ร้านฮั่วเส็ง ร้านฮั่วง่วนที่กรุงเทพฯ และร้านง่วนเฮงที่นครปฐม ร้านฮั่วง่วนได้ค้ายาสูบมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ในตอนนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งในขณะนั้นนายเมี่ยงเกียมีอายุเพียง 15 ปี เท่านั้น และได้ช่วยบิดาดูแลกิจการค้าขายมาโดยตลอด เมื่อเกิดสงครามขึ้นหุ้นส่วน และพี่น้องต่างก็ได้แยกย้ายกันไปหมด
นายเมี่ยงเกีย จึงมาตั้งร้านอึ้งง่วนไต๋ที่จังหวัดเพชรบุรี เมื่อพุทธศักราช 2473 ขณะนั้น อายุได้เพียง 22 ปี ได้เริ่มกิจการค้าขายเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น น้ำมัน นม บุหรี่ และสินค้าอื่นๆเท่าที่จะนำมาขายได้ เป็นการตั้งตัวครั้งที่หนึ่งบนถนนพานิชเจริญ ยังไม่มีตึกแถว ส่วนบิดาได้แยกไปทำการค้าขายที่ตำบลบางตะบูน อ.บ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี จนกระทั่งบิดาอายุ 50 ปีนายเมี่ยงเกีย จึงรับบิดามาอยู่ด้วยกันที่ อำเภอเมืองจังหวัดเพชรบุรีเพราะเห็นว่าท่านอายุมากแล้ว
ไม่นานบิดาของนายเมี่ยงเกีย ก็เดินทางกลับไปยังประเทศจีน และเสียชีวิตอยู่ที่นั่น นายเมี่ยงเกียจึงเดินทางไปประเทศจีน เพื่อทำฮวงซุ้ยให้บิดา ส่วนทางเมืองไทยได้ให้ญาติดูแลกิจการแทนเป็นเวลา 7 ปีซึ่งช่วงเวลานั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงยังไม่สามารถเดินทางกลับมาประเทศไทยได้ หลังจากสงครามเลิกนายเมี่ยงเกียจึงสามารถเดินทางกลับมายังประเทศไทยได้ แต่ปรากฏว่ากิจการอึ้งง่วนไต๋ ย่ำแย่จนหมดตัว เหลือเพียงที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เท่านั้น
นายเมี่ยงเกีย จึงได้มาสร้างตัวเองขึ้นใหม่เป็นครั้งที่ 2 โดยปลูกเรือนไม้อยู่บนที่ดินของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่เดิม อีกประมาณ 2-3 ปีต่อมาโชคดีได้ลูกชายฝาแฝด 2 คน คือ นายแพทย์วิชาญ พิทักษ์สิทธิ์ (นายเอี่ยมบุ้ง พิทักษ์สิทธิ์) นายเมธี พิทักษ์สิทธิ์(นายเอี่ยมบู้ พิทักษ์สิทธิ์) แต่เพียงไม่ถึง 6 เดือนก็เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ทั่วจังหวัดเพชรบุรี ทำให้กิจการที่ได้บุกเบิกมาเป็นครั้งที่ 2 ก็ได้รับผลกระทบจดหมดตัวอีกครั้ง
หลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้น นายเมี่ยงเกียกลับไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และได้ตั้งตัวใหม่อีกเป็นครั้งที่ 3 ร้านอึ้งง่วนไต๋ได้สร้างเป็นตึกบนที่ดินทรัพย์ สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่เดิมโดยเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันตราม้าบิน (Mobile Oil) บุหรี่ นม(ตราแหม่ม) ยางบริดจ์สโตน ยางโยโกฮามา ยางมิชลิน หลังจากนั้น 2 ปีก็สร้างเป็นปั๊มน้ำมันม้าบิน ต่อมาเปลี่ยนเป็นปั้มน้ำมันเอสโซ่ซึ่งเป็นปั้มน้ำมันแห่งแรกในจังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้แล้วยังได้จำหน่ายรถยนต์ ฟอร์ด จำหน่ายรถยนต์เชฟโลเลท และรถบรรทุกยี่ห้อเบนซ์ อีกด้วย
พุทธศักราช 2500
นับมิติใหม่ของวงการยานยนต์ภายในประเทศไทย เมื่อรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุได้เปิดตัว รถบรรทุกขึ้นและเริ่มจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งขณะนั้นประเทศไทย นำโดยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มุ่งพัฒนาประเทศทางด้านสาธารณูประโภค เป็นการใหญ่ไม่ว่าจะเป็นการสร้าวถนนหนทางทั่วประเทศ ไฟฟ้า ประปา ชลประทาน เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนทางด้านอุตสาหกรรม รถยนต์ บรรทุกอีซูซุเองก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในภาคขนส่งทางการเกษตรและทางด้านอื่นๆอีกมากมาย
พุทธศักราช 2501
ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญและเป็นบททดสอบที่ท้าทายของคุณ แม้น พิทักษ์สิทธิ์ เมื่อได้รับความวางใจจากบริษัทมิตซูบิชิจำกัด(แผนกยานยนต์) ซึ่งในปัจจุบัน คือบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อีซูซุในจังหวัดเพชรบุรี และนี่ก็คือปฐมบทของอีซูซุอึ้งง่วนไต๋อย่างแท้จริง โดยจดทะเบียนใช้ชื่อว่า“หจก. เพชรบุรีมอเตอร์” หรือบริษัท อึ้งง่วนไต๋อีซูซุเซลส์ จำกัด ในปัจจุบัน
นายเมธี พิทักษ์สิทธิ์ บุตรชายคนเล็กได้เข้ามาช่วยงานบิดาตั้งแต่ปี 2512 จากความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ได้รับจากบิดา และได้เดินทางไปดูงานทางด้านธุรกิจรถยนต์ของบริษัทรถยนต์ มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น จำกัด นายเมธีใช้เวลา 2 ปีในการช่วยบิดาบริหารงานก็ได้รับความวางใจให้ดำเนินการอย่างเต็มตัวในปี 2514นายเมธีได้ประเดิมความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ ด้วยกันผลักดันยอด จำหน่ายรถยนต์ให้สูงขึ้นเป็น 300 คันในระยะเวลาเพียงปีเดียว และเพิ่มขึ้นเป็น 500-1,000 คันในปีต่อๆมาในปี 2515 ได้สมรสกับนางสาว เสาวนิต ไชยประสิทธิ์ ซึ่งสำเร็จการศึกษาวิชาพยาบาลจาก ร.พ.ศิริราช ทั้งสองเป็นเพื่อนนักเรียนตั้งแต่มัธยมที่โรงเรียน อรุณประดิษฐ์ จังหวัดเพชรบุรี
นายเมธี พิทักษ์สิทธิ์ ได้บริหารธุรกิจมาจนถึง พ.ศ. 2541 ซึ่งเป็นปีที่ธุรกิจทั่วประเทศย่ำแย่สถาบันการเงินล้มไปหลายสถาบัน ธุรกิจภายในประเทศล้มละลายมากมาย อึ้งง่วนไต๋ ก็ได้รับผลกระทบนั้น ตามไปด้วยเป็นระบบลูกโซ่ เนื่องจากปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ไปมากไม่สามารถเก็บหนี้สินได้เช่นกัน ในครั้งนั้นได้ลูกชายคนโตคือ นายธีรยุทธ พิทักษ์สิทธิ์ เข้ามาบริหารธุรกิจควบคู่กับนายเมธี มาตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 ต่อมาบุตรอีก 2 คนคือ นายธนวิทย์ พิทักษ์สิทธิ์ และนางธารทิพย์ ลีวุฒินันท์ ได้เข้าช่วยบริหารงานธุรกิจเพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้อึ้งง่วนไต๋เข้มแข็งและมั่นคงขึ้นในปัจจุบัน กลุ่มอีซูซุอึ้งง่วนไต๋ มีเครือข่ายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานถึง 17 สาขา ครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัด